วิธีการรีดผ้ายังไง ให้ลดค่าไฟฟ้า (Ironing reduce power costs)

เตารีด เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ให้ความร้อนและใช้กำลังไฟฟ้าสูง และแน่นอนกินพลัง

ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก เตารีดส่วนใหญ่ กินไฟฟ้าประมาณ 1,500 วัตต์ต่อชั่วโมง (W/h) ซึ่งเท่ากับเราเปิดไฟหลอดยาว 36 วัตต์ต่อชั่วโมง (W/h) จำนวน 32 หลอดโดยประมาณ คำนวนจาก 1,500 หาร (36+10) = 32.60 หลอด  ที่หลอด 36 วัตต์ ต้อง + อีก 10 วัตต์ นั้นเนื่องจากสูญเสียไปในรูปความร้อนของบัลลาสต์แบบขดลวดซึ่งบ้านเรือนส่วนใหญ่จะใช้กันแบบนี้ เนื่องจากราคาถูกและทนทาน เตารีด ซึ่งมีใช้กันแทบทุกครัวเรือน เพราะการรีดผ้าทำให้เสื้อผ้าที่เราสวมใส่เรียบสวย เพิ่มความสะอาดเรียบร้อยให้แก่ผู้สวมใส่ ซึ่งในการรีดแต่ละครั้งจะกินไฟมากดังนั้นจึงควรรู้จัดวิธีใช้อย่างประหยัดและปลอดภัยครับ



        ก่อนอื่น แนะนำว่าปัจจุบันเตารีด มีให้เลือกใช้อยู่ 3 แบบด้วยกัน คือ 
        - เตารีดแบบอัตโนมัติ นิยมใช้กันมาก ผู้ใช้สามารถปรับความร้อนได้ ตามอุณหภูมิความร้อนที่กำหนด
        - เตารีดแบบไอน้ำ ไม่ต้องพรมน้ำ เพราะตัวเครื่องจะมีภาชนะสำหรับเก็บน้ำ ในเวลาที่เรารีดผ้าจะมีไอน้ำออกมาให้กับผ้าที่รีด
        - เตารีดแบบกดทับ จะมีแผ่นความร้อนขนาดใหญ่กว่าเตารีดแบบธรรมดาทั่วไป โดยจะให้ความร้อนกระจายอย่างสม่ำเสมอ และทำให้ผ้าเรียบในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะใช้รีดผ้าจำนวนมาก เพราะจะทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าแบบอื่น ๆ แต่มีใช้กันไม่มากนัก เพราะราคาค่อนข้างสูง

        ส่วนวิธีการใช้เตารีดเพื่อให้ประหยัดพลังงาน สามารถปฏิบัติได้ง่าย ๆ ไม่ยาก ดังนี้ครับ
        - ก่อนอื่นควรตรวจสอบดูว่าเตารีดอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ เช่น สาย ตัวเครื่อง เป็นต้น
        - ตั้งปุ่มปรับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้า
        - เวลารีดไม่ควรพรมน้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียความร้อนมากขึ้นโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจใช้วิธีการ ซักและตากผ้าที่ถูกวิธี เพื่อให้เสื้อผ้ายับน้อยที่สุด เพื่อช่วยให้รีดง่ายและประหยัดพลังงาน
        - เริ่มต้นรีดผ้าบาง ๆ ก่อน เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นค่อย ๆ รีดผ้าที่หนาขึ้นตามลำดับ และควรเลือกผ้าชนิดที่ต้องการความร้อนน้อยไว้ในรายการสุดท้าย
        - ควรดึงปลั๊กก่อนเสร็จสิ้นการรีดออกก่อน 3-4 นาที เพราะความร้อนที่เหลือสามารถรีดผ้าที่ไม่ต้องการความร้อนมากได้
        - ถอดปลั๊กออกเมื่อไม่ได้ใช้
        - ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จ

การอ่านสัญญลักษณ์ที่บัญญัติโดย ASTM Care Labeling (ฉลากแสดงวิธีการดูแลรักษาเสื้อผา)
          หากสังเกตุดูเสื้อผ้าที่เราซื้อๆ กันมา หากเป็นเสื้อผ้าที่มีราาสักหน่อย จะมี Care Labeling ติดอยู่ มันก็คือวิธีดูแลรักษา วิธีซัก วิธีรีด ต้องใช้ความร้อนขนาดใหน ขณะนี้ยังไม่มีกฎข้อบังคับสำหรับการทำฉลากแสดงวิธีการดูแลสินค้าเสื้อผ้า ข้อแนะนำในเรื่องฉลากแสดงวิธีดูแลสินค้าสิ่งทอ แต่ถ้าหากมีการใช้เป็นข้อบังคับ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทุกชนิดจะต้องมีป้ายแสดงวิธีการดูแลรักษาสิ่งทอโดยที่ป้ายจะต้องระบุวิธีการดูแลรักษา หรือซักรีดที่ใช้เป็นประจํา หรือระบุวิธีการทําความสะอาดที่อาจทําลายผลิตภัณฑ์ (วิธีที่ห้ามใช้) ในกรณีที่มีวิธีทำความสะอาดหลายวิธี ให้ระบุเพียงวิธีเดียวที่เหมาะสม

          การระบุวิธีการดูแลรักษาควรกระทําโดยมีพื้นฐานที่สมเหตุผล เช่น ไม่ทําความเสียหายกับผลิตภัณฑ์ เมื่อทําความสะอาดบ่อย ๆ หรือจะเสียหายได้ ถ้าใช้วิธีที่ได้เตือนไว้ ในการระบุวิธีควรมีหลักฐานพอสมควร เช่น ทําการทดสอบ หรือ ข้อมูลวิชาการ หรือ ประสบการณ์ หรือ อื่นๆ ที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถทำตามมาตรฐาน EN ISO 3758:2005 "Textiles – Care labeling code using symbols" มาตรฐานนี้จะระบุสัญลักษณ์การดูแลที่ต้องระบุในฉลากสินค้า ซึ่งจะทำให้สินค้ามีสภาพที่ดีตลอดอายุการใช้งาน สิ่งที่ต้องระบุในป้ายการดูแลรักษาผลิตภัณฑ์

- ซัก หรือซักแห้ง และความร้อนในการรีดผ้า
- วิธีการซัก เช่น ซักมือ หรือ ซักเครื่อง หากใช้เครื่องซักผ้าต้องระบุอุณหภูมิของน้ำซัก แต่ถ้าซักด้วยน้ำร้อนได้ตลอดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าก็ไม่จำเป็นต้องระบุอุณหภูมิของน้ำซัก
- การซักแห้งให้ระบุชื่อสารละลายสําหรับซักแห้งแต่ถ้าใช้สารละลายตัวใดก็ได้ ก็ไม่ต้องระบุ
- คําเตือน ถ้ามีกระบวนการใดที่อาจทําลายเสื้อผ้าได้
วิธีการทําความสะอาดต้องใช้ได้กับเสื้อผ้าทั้งตัว รวมถึงส่วนตกแต่ง

          ตั้งแต่ปี 2540 กฎระเบียบได้อนุญาตใหใช้สัญญาลักษณ์ การดูแลรักษาผลิตภัณฑ์ (Care Symbols) ได้โดยไม่ต้องเขียนวิธีการดูแลรักษา โดยให้ใช้สัญญลักษณ์ที่บัญญัติโดย ASTM แต่ถ้าวิธีการใดไม่มีสัญญลักษณ์ ให้ระบุเป็นคําอธิบาย

          ตัวอย่างคำอธิบาย ASTM SYMBOLS